วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

สอนลูกนอกห้องเรียน


กรุงเทพฯของฉัน หอศิลป์กรงุเทพฯ

บันทึกค่ายศิลปะปิดเทอมฤดูร้อน ๒๕๕๒ รุ่นที่ ๓




ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ http://ppmantana.multiply.com/photos/album/181

อ่านรายละเอียดค่ายได้ที่ http://www.art-laemkom.com/Welcome.html



วันอังคาร ที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๒


เช้าวันอังคารที่อากาศแสนจะดี ฟ้าฝนเป็นใจไม่ตกลงมา เด็กๆมาโรงเรียนกันก่อน ๘ โมงตามเวลานัดหมาย ทุกคนตื่นเต้นมากๆที่จะได้ออกไปเขียนรูปนอกสถานที่กัน วันนี้เด็กๆทั้ง ๗ คนที่เจริญพาศน์ มีนัดกับเพื่อนๆจากพิพิธภัณฑ์เด็กฯอีก ๒๓ คน และเพื่อนจากพระรามเก้าอีก ๖ คน ที่หอศิลป์กรุงเทพฯค่ะ


๘ โมงเช้าเมื่อรถตู้ลุงตุ๋ยมาถึง เด็กๆก็ขึ้นรถนั่งประจำที่ คุณครูคิดเอาไว้ว่านี่ต้องครั้งแรกแน่ๆเลยที่จะได้นั่งรถตู้ไปกับเด็กๆแบบสงบเงียบ แต่ก็คิดผิดค่ะวันนี้เด็กน้อยทั้ง ๗ คนคงกินยาลืมเขย่าขวด หรือกินอะไรผิดสำแดงมา คุยกันเสียงดังมากๆอย่างที่ไม่เคยดังมาก่อนตลอด ๗ วันที่อยู่ด้วยกันมา





๙ โมงเช้ารถตู้จากเจริญพาศน์ก็มาถึง ณ หอศิลป์กรุงเทพฯเป็นคันแรก ครูแป๋ม ครูแจง ครูนัฐ และพี่โจ้ช่างภาพวีดีโอประจำโรงเรียนศิลปะแหลมคม พาเด็กๆทั้ง ๗ คน (คล้ายๆสโนไวท์กับคนแคระทั้ง ๗ เลย) เข้ามานั่งรอเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงด้านใน เด็กๆนั่งลงกับพื้นแล้วให้ครูแป๋มเล่าเรื่องให้ฟัง เล่าเรื่องสนุกๆได้ ๒ เรื่อง ครูแหลมก็พาเพื่อนๆจากพิพิธภัณฑ์เด็กฯ เดินเข้ามาสมทบ จาก ๗ คนบวกอีก ๒๓ เป็น ๓๐ จากเด็กเริ่มเยอะขึ้นเสียงก็เริ่มดังขึ้น และตามมาด้วยเด็กจอมซนจากพระรามเก้าอีก ๖ คน เสียงยิ่งดังเข้าไปใหญ่




ครูแหลมรวมเด็กๆนั่งที่โถงตรงกลางชั้นที่ ๑ พูดคุยถึงสิ่่งที่เราจะมาเรียนรู้ในวันนี้ และพาเด็กๆไปนั่งดูรถไฟฟ้าด้านหน้าหอศิลป์ วันนี้ทุกคนได้หัวข้อกรุงเทพฯของฉัน ทุกๆคนต่างจดจำเรื่องราว และชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนจะวุ่นวายในเมืองกรุงที่ได้เห็นเบื้องหน้าเอาไว้เขียนรูปในวันนี้




๑๐ โมงพอดี ครูแหลมพาเด็กขึ้นบันไดเลื่อนและขึ้นลิฟทืไปยังชั้น ๙ วันนี้มีงานแสดง “ศิลปะแห่งการรณรงค์” (CAMPAIGN FOR ART) แสดงภาพศิลปะจัดวางเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อหอศิลปฯ เพื่อระลึกถึงกระบวนการต่อสู้เรียกร้องของกลุ่มคนรักศิลปะ และแสดงถึงความเป็นมาอันยาวนานของการก่อตั้งหอศิลป์ ผลงานที่นำมาจัดแสดงนี้ ด้านหนึ่งคือผลงานศิลปะ ขณะที่อีกด้านหนึ่งคือหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของอดีตให้เราได้เรียนรู้ นอกจากการจัดแสดงภาพศิลปะรณรงค์เพื่อหอศิลป์แล้ว ยังได้จัดแสดงการบอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้น ลำดับเหตุการณ์ และผู้ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ก่อนที่จะเป็นหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ณ สี่แยกปทุมวัน ในปัจจุบัน





ครูแหลมบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของหอสิลป์กรุงเทพแห่งนี้ให้เด็กฟัง และอธิบายงานศิลปะในรูปของการรณรงค์ เด็กฟังอย่างตั้งใจและเดินตามครูแหลมดูงานศิลปะอย่างสนใจ




ได้ข้อมูลมาพอสมควรเด็กๆจดจำสิ่งที่ได้พบเจอใจวันนี้มาถ่ายทอดเป็นผลงานศิลปะของตัวเอง ทุกๆคนลงมาทำงานกันที่ชั้น L ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้เรา เด็กๆหามุมที่ตัวเองชอบแล้วนั่ง และบางคนล้มตัวลงนอนเหยียดตัวยาวในท่าที่สบายทำงานศิลปะของตัวเอง ไม่นานนักกระดาษที่ว่างเปล่าก็เกิดเรื่องราวที่มหัศจรรย์ขึ้นมากมาย เมื่อทุกคนร่างภาพเร็จก็นำผลงานไปส่งครูแหลม และกลับมาลงสี




เกือบจะ ๑๑ โมงแล้วหลายๆคนเริ่มบ่นว่าหิว แต่พิซซ่าป้าต่ายแสนอร่อยยังไม่มาเลย ทุกๆคนเริ่มบ่น บางคนหยุดทำงานไปดื้อเพราะหิวข้าวหมดแรง แต่ไม่นานนักพิซซ่า ๕๐ กล่องสำหรับเด็กๆ ๓๖​คนก็มาถึง ทุกคนวิ่งไปล้างมือแบเร็วจี๋แล้วมานั่งล้อมวงกันทันที




“ใครจะนำขอบคุณวันนี้” ครูแหลมถาม ฟ้าใสยกมือขึ้นทันที “จะได้กินข้าวกันมั๊ยเนี่ย” ครูแป๋มคิดในใจ เพราะเคยมีประสบการณ์ในการนำขอบคุณของฟ้าใสมาแล้ว กว่าจะได้กินข้าวกันหิวแทบแย่ แต่ผิดคลาดอีกแล้ว ฟ้าใสสาวน้อยน่ารักวัย ๓ ขวบครึ่ง นำพี่ๆขอบคุณอย่างเสียงดังฟังชัดบ้างไม่ชัดบ้าง พี่ๆท่องตามอย่างขำๆ พอฟ้าใสนำจบทุกคนพากันถอนหายใจพร้อมๆกันรวมทั้งคุณครูด้วย แล้วมหกรรมการกินพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ก็เริ่มขึ้น ทุกคนกินกันอย่างไม่ยั้ง คุณครูหวังไว้ว่า ๕๐ กล่องคงไม่หมดเพราะสั่งมาเพื่อคุณครูทุกคน และครูพี่เลี้ยงด้วย แต่...ไม่มีเหลือเลยค่ะ คุณครูและพี่เล้ียงได้พิซซ่าคนละชิ้น ๒ ชิ้นลองทองเท่านั้นเอง ที่เหลือเหล่าลิงทะโมนผู้กระหายหิวกินหมดไม่มีเหลือ น้องเบย์กินไปตั้ง ๗ ชิ้น น้องเมฆกินพิซซ่าจนฟันหลุดออกมา ๑ ซี่ ส่วนเจ้าตัวเล็กๆอย่างออสติน กับ เจ้าม่อนยังกินไปตั้ง ๔ ชิ้นเลยค่ะ ป้าต่ายยิ้มแก้มปริ พิซซ่าหมดเกลี้ยง คุณครูและพี่เลี้ยงทั้งหลายได้แต่ยืนอึ้งกันไปตามๆกัน




กินกันอิ่มหนำสำราญแล้วเด็กๆก็ไปทำงานกันต่อ วันนี้ทุกคนตั้งใจกันมากค่ะทำงานกันเสร็จเร็ว บ่ายโมงกว่าๆก็เสร็จกันไปหลายคน




ครูแหลมรวมเด็กๆกลุ่มที่เสร็จแล้วให้ครูแจงพาไปทำกิจกรรมที่ชั้น ๑ มีกิจกรรมสนุกๆที่หอศิลป์กรุงเทพเตรียมไว้ให้เด็กๆทำมากมายในช่วงปิดเทอม วันนี้เด็กโรงเรียนศิลปะแหลมคมก็เลยได้ลุยเต็มที่เลย มีทั้งทำว่าว วาดรูป ทำกล่องกระดาษทิชชู เพ้นท์กระเป๋า รอยลูกปัด เด็กสนุกกันมากเลยค่ะ ทุกคนนอกจากจะได้ผลงานเป็นภาพวาดกลับบ้านแล้ว วันนี้ยังได้งานประดิษฐ์แสนสวยกลับบ้านกันอีก




บ่าย ๒ โมงครึ่งครูแหลมเรียกรวมเด็กๆทุกคนอีกครั้งเพื่อมาถ่ายรูป และเก็บของเตรียมตัวกลับโรงเรียน




ก่อนกลับเรามาถ่ายรูปหมูที่ไม่หมูเลยเพราะกว่าจะจับลิงให้นิ่งได้เหนื่อยเหลือเกิน “ศิลปะแหลมคม” ครูแป๋มตะโกน “เย้...” เสียงเย้...ของเด็กเบาๆเท่าเสียงมด เพราะเกรงใจพี่ ร.ป.ภ. ที่จับตามองอยู่ด้วยความเอ็นดูเด็ก “เสียงดังก็ได้นะครับ ครูแหลมของอนุญาติพี่เค้าเอาไว้แล้ว” ครูแหลมบอกเด็กๆทุกคน “ศิลปะแหลมคม.......” ครูแป๋มตะโกนเรียกขวัญเด็กๆอีกครั้ง “เย้........เย้.......” คราวนี้เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเลยค่ะ ทุกคนยิ้มเบิกบานใจเดินเป็นแถวไปขึ้นรถตู้กลับโรงเรียนอย่างมีความสุข


บนรถตู้เจริญพาศน์ขากลับดูจะเงียบสงบลงมากกว่าตอนขามา ไม่ใช่เพราะเด็กๆเหนื่อยกันหรอกนะคะ แต่เพราะว่าน้องไบรท์มีขนมมาแบ่งเพื่อนกินกันบนรถต่างหาก เด็กๆก็เลยตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดอะไรกัน




กลับมาถึงที่โรงเรียน ทุกคนก็ยังได้กินอาหารว่างที่ป้าเขียวเตรียมไว้ให้อีก พอกินเสร็จพี่ตาต้าชวนน้องๆออกไปวิ่งเล่นที่หลังบ้านกันทันที น้องหยิบรองเท้าแล้ววิ่งตามพี่ตาต้าไป ทุกคนดีใจที่ได้ออกไปเล่นหลังบ้านกันซะที หลังจากที่ฝนตกทุกวันทำให้ออกไปเล่นไม่ได้มาหลายวัน แต่...ไม่ถึง ๑๐ นาทีทุกคนก็วิ่งกลับเข้ามา “โอ้ย...ฝนตกอีกแล้ว” พี่ตาต้าบ่น ในที่สุดกิจกรรมสุดท้ายก่อนกลับบ้านของเด็กๆก็คือดูการ์ตูนกู๊ฟฟี่ก่อนกลับบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น